มาดูกันว่า...ไมค์ที่กำลังใช้ คือไมค์ที่ใช่ สำหรับเสียงคุณจริงหรือเปล่า?
เคยสงสัยไหมว่า ไมค์ที่ใช้อัดเสียงหรือร้องเพลง “เข้ากับเสียงคุณ” มากแค่ไหน?
หลายคนอาจเลือกใช้ไมค์ยอดนิยมที่ใคร ๆ แนะนำว่าเวิร์ค แต่จริง ๆ แล้วเสียงของแต่ละคนมีเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนกัน ทำให้การเลือกไมค์ให้เหมาะกับเสียงตัวเองมีความสำคัญกว่าที่คิด
เสียงของเราประกอบด้วยอะไร?
เสียงของมนุษย์ประกอบด้วย “เสียงพื้นฐาน” (Fundamental tone) และ “ฮาร์โมนิก” หรือ “Overtones” ที่เกิดจากคลื่นเสียงความถี่สูงกว่าเสียงพื้นฐาน
เจ้าฮาร์โมนิกนี่เองที่ทำให้เสียงของแต่ละคนต่างกัน บางคนเสียงใส บางคนเนื้อเสียงหนา ในขณะที่บางคนเสียงแหบแบบเท่ ๆ
เสียงที่มีฮาร์โมนิกเยอะจะฟังดู “มีมิติ” โดยเฉพาะเวลาร้องในห้องที่มีเสียงสะท้อน เช่น ห้องน้ำหรือโบสถ์ จะรู้สึกได้เลยว่าเสียงของตัวเองเด่นขึ้น
แล้วจะรู้ได้ยังไงว่าเรามีเสียงแบบไหน?
วิธีที่ได้ผลที่สุดคือ:
1. อัดเสียงตัวเองด้วยโปรแกรม DAW
2. ใช้ Spectrum Analyzer เช็กคลื่นความถี่
3. เปรียบเทียบกับเสียงนักร้องมืออาชีพผ่านตัวอย่างเสียง
แล้วเสียงแบบเรา ควรใช้ไมค์แบบไหน?
・ถ้าเสียงของคุณ “ใส แหลม กังวาน” และมีฮาร์โมนิกเยอะ ไมค์ที่เหมาะคือไมค์โทนกลางหรือนุ่ม ไม่ควรใช้ไมค์ที่ขยายเสียงสูงมาก เพราะจะยิ่งทำให้เสียงแหลมจนบาดหู
・ถ้าเสียงของคุณ “ทุ้ม หนา มีน้ำหนัก” ควรเลือกไมค์ที่ช่วยขยายย่านสูง เพื่อเปิดเสียงให้โปร่งขึ้นและชัดเจนมากขึ้น
・ถ้าเสียงของคุณ “แหบแบบเท่ ๆ” ควรเลือกไมค์ที่เก็บรายละเอียดได้ดี แต่ไม่เน้นเสียงแหลมจัด จะช่วยดึงความมีเสน่ห์ของเสียงออกมาได้อย่างลงตัว
จุดเด่นของไมค์แต่ละประเภท
ไมค์คอนเดนเซอร์
* รับเสียงได้กว้างและละเอียด
* เหมาะกับเสียงนุ่ม ละเอียด ละเมียดละไม
* ต้องใช้ phantom power และไวต่อเสียงรบกวน
ไมค์ไดนามิก
* รับเสียงโฟกัสย่านกลางได้ดี
* ทนทาน เหมาะกับร้องสดหรือการอัดแบบลุย ๆ
* รุ่นฮิต เช่น Shure SM58, SM57
หลายคนอาจคิดว่า “ไมค์ที่เสียงชัด = ดี” แต่จริง ๆ แล้ว "ไมค์ที่ดีคือไมค์ที่เข้ากับเสียงของคุณและบริบทของเพลง" ไม่ใช่เรื่องของสเปกเสมอไป
ถ้าอัดเสียงเองที่บ้าน ควรใช้ไมค์แบบไหน?
หากเป็นห้องธรรมดาที่เก็บเสียงได้ไม่ดีนัก:
* ใช้ไมค์ไดนามิกปลอดภัยกว่า เพราะเก็บเสียงรบกวนรอบข้างน้อยกว่าไมค์คอนเดนเซอร์
* ถ้าอยากใช้ไมค์คอนเดนเซอร์ ควรมี pop filter และอยู่ในห้องที่ควบคุมเสียงสะท้อนได้ดีพอสมควร
Cr: TRIVISION